|
เพื่อนๆ ที่รัก
ผมขอขอบคุณสำหรับกำลังใจ และความห่วงใยของพวกท่านต่อประชาชนในพม่า เราอยากจะแบ่งปันเรื่องราวของศิษยาภิบาลสองท่านที่ถูกจับตัวไป ถูกทรมาณ และโบสถ์ของพวกเขาถูกเผา พวกเขาและชาวบ้านในหมู่บ้านของพวกเขายังไม่ยอมแพ้ เรามาที่นี่ครั้งแรกเมื่อปี 2002ในภารกิจบรรเทาทุกข์ หลังจากที่กองทหารพม่าได้สังหารชาวบ้าน 12 คน ซึ่งเป็นถึงเด็กๆ 8 คน และเข้าเผาทั้งโบถส์และบ้านเรือน
เมื่อเรามาถึงที่หมู่บ้านคอ เค ในปี 2002 เราเจอกับชาวบ้านบางคนที่กลับมาจากที่หลบซ่อน นั่นคือสองเดือนหลังจากที่โบสถ์ถูกเผาในเดือนเมษายน 2002 พวกเขาบอกกับเราว่า ศิษยาภิบาลท่านนั้นถูกมัด และเฆี่ยนตี และชาวบ้านทั้งหมดถูกบังคับให้มองดูโบสถ์ที่กำลังถูกเผาทิ้ง ศิษยาภิบาลถูกเอาตัวไป และกองทหารพม่าขังท่านเอาไว้เป็นเวลาสี่เดือนครึ่งก่อนที่จะถูกปล่อยตัวออกมา เราได้เขียนจดหมายถึงท่าน และได้ให้เงินแก่ครอบครัวของท่านเพื่อที่พวกเขาจะสามารถส่งอาหารให้ท่านได้ในเวนาที่ท่านอยู่ในคุก ณ เวลานี้ ในภารกิจของเดือนเมษายน 2008 เราได้กลับมายังพื้นที่แห่งเดิม ศิษยาภิบาลท่านนั้นกำลังรอพวกเราอยู่ และขอบคุณพวกเราสำหรับคำอธิษฐานและความช่วยเหลือในตอนที่ท่านถูกกักขัง ท่านกล่าวว่าท่านต้องการจะคงเป็นศิษยาภิบาลในพื้นที่แห่งนี้ต่อไป เพื่อคนที่นี่จะไม่สูญเสียความเชื่อของเพวกเขา ท่านกล่าวว่า แม้จะรู้ว่าจะถูกจับกุมตัวไปอีก และหมู่บ้านแห่งนี้จะถูกโจมตีอีก ท่านก็ยังยินดีที่จะเป็นศิษยาภิบาลและนำคนของท่านต่อไป ครั้งนี้ เมื่อผมเห็นท่านเป็นครั้งแรก ผมเข้าไปกอดท่านและอธิษฐานขอบพระคุณ และผมก็ได้คิดถึงทุกๆ ท่านที่ได้อธิษฐานเผื่อท่าน เมื่อตอนที่เราได้ส่งข้อความเกี่ยวกับการถูกจับกุมของท่านออกไปในปี 2002 ท่านและคนในหมู่บ้านคอ เค กำลังสร้างโบสถ์ของพวกเขาขึ้นมาใหม่ในเวลานี้
โบสถ์ที่ถูกเผาในปี 2002 |
จากหมู่บ้านนี้ เราไปต่อยังหมู่บ้านทิ ดา บลู ซึ่งเป็นอีกแห่งที่โบสถ์ถูกเผาในปี 2002 เช่นเดียวกัน เราคุยกับศิษยาภิบาล และท่านได้บอกเราว่ากองทหารพม่าบังคับชาวบ้านให้เข้าไปในโบสถ์ ในขณะที่ท่านและอีกสองคนถูกมัดติดกับเสาใต้โบสถ์ ชาวบ้านถูกขังและได้รับอาหารและน้ำเพียงน้อยนิดอยู่เป็นเวลาห้าวัน ทุกๆ วัน ทหารพม่าสามคนจะตีศีรษะของศิษยาภิบาลด้วยปีนพก ในระหว่างวันพวกเขาจะมัดท่านไว้กลางแดด และพันศีรษะท่านด้วยพลาสติก พวกเขายังตัดหูของท่านด้วยมีดและตัดหนังจากลำคอในตอนที่พวกเขาถามคำถามกับท่าน และขู่ว่าจะฆ่าท่าน ในคืนหนึ่ง ขณะที่ท่านและอีกสองคนถูกมัดอยู่ที่เสาใต้โบสถ์ ท่านบอกว่าหนึ่งในสองคนนั้นสามารถที่จะคลายเชือกได้ แต่ศิษยาภิบาลพูดว่า “อย่าพยายามหนี ถ้าเราสามคนหนีไป อะไรจะเกิดขึ้นกับคนที่อยู่บนโบสถ์นั่น” ดังนั้น พวกเขาจึงคงถูกมัดจนกระทั่งกองทหารพม่าย้ายชาวบ้านออกจากโบสถ์ จากนั้นก็เผาโบสถ์ทิ้ง ศิษยาภิบาลและชายทั้งสองคนถูกนำตัวไปและขังอยู่ในคุกเป็นเวลาสี่เดือนครึ่ง
เราเคยมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ในปี 2002 กับคนอีก 96 คน ที่หลบหนีจากการบังคับให้ย้ายถิ่นฐาน และพยายามที่จะไปยังค่ายผู้อพยพที่อยู่อีกฝั่งของชายแดน ในตอนนั้น ชาวบ้านจากหมู่บ้านนี้กำลังหลบซ่อนตัว และเราได้นอนค้างกับพวกเขาหนึ่งคืน ในเวลานี้ โบสถ์ที่หมู่บ้านทิ ดา บลู ได้ถูกสร้างใหม่เสร็จสมบูรณ์แล้ว และตั้งอยู่ข้างๆ โบสถ์ที่ถูกเผา เมื่อเราถามศิษยาภิบาลว่าทำไมพวกเขาถึงเก็บเสาของโบสถ์ที่ถูกเผาและแผ้วถางที่บริเวณนั้น ท่านบอกว่า “เราอยากจะให้มันเป็นอนุสรณ์ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ที่นี่เป็นบ้านของผม มันเป็นที่ชุมนุมของโบสถ์เรา และมันเป็นหน้าที่ของผมที่จะรับใช้คนของผมด้วยการเป็นศิษยาภิบาล ดังนั้น ผมจะอยู่ที่นี่ ถ้าเราต้องทนทุกข์ทรมาณ เราจะทนทุกข์ด้วยกัน ถ้าเราเป็นอิสระ เราก็เป็นอิสระด้วยกัน”
ขอพระเจ้าทรงอวยพรท่าน
หัวหน้าทีมบรรเทาทุกข์ Free Burma Rangers
เขตดูปลายา รัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า
ภาพของศิษยาภิบาลถ่ายที่โบสถ์คอ เคที่ถูกเผา 15 เมษายน 08 |
ศิษยาภิบาล ซี พา ทรู(สรรเสริญ) หน้าโบสถ์ที่ถูกเผา และโบสถ์ใหม่ที่ทิ ดา บลู 16 เมษายน 08 |
จบการรายงาน